วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

ปัญญาประดิษฐ์


ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)  คือ ศาสตร์แขนงหนึ่งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานมาจากวิชาวิทยา การคอมพิวเตอร์ ชีววิทยา จิตวิทยา ภาษาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ เป้าหมายคือ การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้มีพฤติกรรมเลียนแบบมนุษย์ รวมทั้งเลียนแบบความเป็นอัจฉริยะของมนุษย์
ลักษณะงานของปัญญาประดิษฐ์
1. Cognitive Science งาน ด้านนี้เน้นงานวิจัยเพื่อศึกษาว่าสมองของมนุษย์ทำงานอย่างไร และมนุษย์คิดและเรียนรู้อย่างไร จึงมีพื้นฐานที่การประมวลผลสารสนเทศในรูปแบบของมนุษย์ประกอบด้วยระบบต่างๆ ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems)ระบบเครือข่ายนิวรอน (Neural Network)ระบบแบ๊บแน็ต (Papnet) ฟัสซี่โลจิก (Fuzzy Logic)เจนเนติกอัลกอริทึม (Genetic Algorithm)เอเยนต์ชาญฉลาด (Intelligent Agents) ระบบการเรียนรู้ (Learning Systems)
2. Roboicsพื้นฐานของวิศวกรรมและสรีรศาสตร์ เป็นการพยายามสร้างหุ่นยนต็ไห้มีความฉลาดและถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์แต่ สามารถเครื่องไหวได้เหมือนกับมนุษย์
3. Natural Interface  งาน ด้านนี้ได้ชื่อว่าเป็นงานหลักที่สำคัญที่สุดของปัญญาประดิษฐ์ และพัฒนาบนพื้นฐานของภาษาศาสตร์ จิตวิทยา และวิทยาการคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยงานด้านต่างๆระบบที่มีความสามารถในการเข้าใจภาษามนุษย์ (Natural Language)ระบบภาพเสมือนจริง (Virtual Reality)ระบบปัญญาประดิษฐ์แบบผสมผสาน (Hybrid AI Systems)
ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems) 
เป็นระบบที่ช่วยในการแก้ปัญหาหรือช่วยในการตัดสินใจโดยใช้วิธีเดียวกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์
องค์ประกอบของผู้เชี่ยวชาญ
1. ฐานความรู้ (Knowledge Base) เป็นส่วนของความรู้ของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ซึ่งจะเก็บไว้ในฐานข้อมูลของระบบ
2. โปรแกรมของระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System Software หรือ Software Resources) แบ่งออกได้ ส่วน   
    1) ส่วนที่ใช้ในการประมวลผลความรู้จากฐานความรู้
    2) ส่วนที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้
การประยุกต์ใช้ A.I.
           A.I.ถูกนำมาประยุกต์เพื่อการใช้งานในหลายๆส่วน ซึ่ง จุดเด่น ของ AI คือสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง มีความแม่นยำสูง และสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว
  - ทางด้านการแพทย์
          มีการนำแขนกลเข้าไปช่วยการผ่าตัด ซึ่ง สามารถทำงานได้ละเอียดกว่ามนุษย์มาก และข้อดีอีกประการคือการไม่มีความวิตกกังวล เกิดขึ้นในขณะทำงานอย่างเช่นในมนุษย์ที่อาจจะก่อให้เกิดความผิดพลาดในการทำ งานได้  การใช้แขนกลช่วยในการผ่าตัด เป็นการทำงานที่มีความปลอดภัยสูง และอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์จึงเป็นการร่วมงานกันอย่างดีเยี่ยมระหว่างคน กับเครื่องจักรกล
-  ทางด้านงานวิจัย           ในหลายงานวิจัย เริ่มมีการใช้ A.I. เข้า มาช่วยในการดำเนินงาน เช่นการสำรวจในบริเวณพื้นที่ทีมีความเสี่ยง อย่าง ปากปล่องภูเขาๆไฟ หรือในมหาสมุทรที่มีความลึกอย่างมากก็สามารถ สามารถใช้หุ่นยนต์สำรวจลงไปทำงานแทนได้ เพราะเครื่องจักรพวกนี้มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ดีกว่ามนุษย์มาก ทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียดและแม่นยำกว่ามนุษย์
ทางด้านอุตสาหกรรม
          เป็นการช่วยลดภาระทางต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก  ทั้ง ในงานบางประเภทที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรือมีความเสี่ยงสูง จนไม่ค่อยมีใครอยากทำก็สามารถใช้ หุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์มาทำงานแทนได้
 ทางด้านการบันเทิง          มีการสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถตอบโต้กับมนุษย์ได้ เป็นสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น
ด้านทางการทหาร
           A.I หรือปัญญาประดิษฐ์ในพวกนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็น เครื่องบินไร้คนขับ  รถถังไร้คนขับ โดยมีจุดประสงค์หลักในทางด้านความมั่นคง

              
                                         Asimo กำลังเล่นฟุตบอล
                                ภาพจาก http://www.boskowan.com
          ปัจจุบันมีการสร้างและพัฒนาหุ่นยนต์ที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และที่ดูฮืออาและได้รับความสนอกสนใจจากคนทั่วไปมากที่สุดเห็นจะเป็น  อาซิโม (Asimo) หุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ของบริษัทฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่น ที่ สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2543 มัน สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างจนกระทั่งสร้างความฉงนให้มนุษย์เราได้มากพอสมควร ทั้ง ทั้งสามารถเดินและวิ่งได้อย่างอิสระ ขึ้นบันไดและเต้นรำได้  เคลื่อน ย้ายวัตถุจากที่หนึ่งไปอีกทีหนึ่ง สามารถจดจำใบหน้าคู่สนทนาได้อย่างแม่นยำ มีระบบบันทึกเสียงเพื่อตอบสนองคำสั่งของมนุษย์ รวมไปถึงหุ่นยนต์ "ไอโบ" (Aibo) หุ่นยนต์สุนัขแสนรู้จากค่าย โซนี่  หรือ หุ่นยนต์แมว อย่าง "เนโคโร" และ "แม็กซ์" ที่พัฒนาโดย บ.ออมรอนของญี่ปุ่น
          แนวโน้มของการพัฒนา ปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นรูปธรรมมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลาอันใกล้เราอาจจะเห็นปัญญาประดิษฐ์รูปแบบใหม่ๆที่ คล้ายมนุษย์มากขึ้นทุกวัน เพราะนับจากการปฎิวัติอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ก็พัฒนาแบบก้าวกระโดดเรื่อยมา
แต่ในขณะเดียวกันหากเราใช้วิถีชีวิตที่ยึดติดกับเทคโนโลยี มากเกินไป มนุษย์เราก็อาจจะถูกลดทอนความสำคัญลงเพราะคนไม่ต้องสนใจในผู้คนรอบข้างมาก นักไม่ต้องกังวลว่าจะกลายเป็นคนไม่มีเพื่อนเมื่อเหงาก็สามารถพูดคุยกับ หุ่นยนต์ได้ เหมือนอย่างเช่นเทคโนโลยีหลายๆอย่างที่ทำให้คนห่างไกลกัน แต่ถึงกระนั้นหากมนุษย์รู้จักใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ตัวเองสร้าง อย่างเท่าทันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เราจะมีสิ่งประดิษฐ์ที่มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์และมีความฉลาดที่เกือบจะทัด เทียมกัน ..ปัญญาประดิษฐ์นับได้ว่าศาสตร์แห่งชีวิตอนาคตอย่างแท้จริง   
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information Systems : GIS)
       คือกระบวนการทำงานเกี่ยวกับข้อมูลที่มีความสัมพันธ์ในเชิงพื้นที่ด้วย ระบบคอมพิวเตอร์ เช่น ที่อยู่ บ้านเลขที่ สัมพันธ์กับตำแหน่งในแผนที่ ตำแหน่ง เส้นรุ้ง เส้นแวง เป็นต้น
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ แบ่งออกเป็น ส่วน
1. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น เครื่อง อ่านพิกัด เครื่องกวาดตรวจ พล็อตเตอร์  เครื่องพิมพ์ ฯลฯ
2. โปรแกรม คือชุดคำสั่งสำเร็จรูป เช่น โปรแกรม Arc/Info, MapInfo ฯลฯ
3. ข้อมูล คือข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในระบบ GIS4. บุคลากร คือผู้ปฏิบัติงานซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบ GIS5. วิธีการหรือขั้นตอนการทำงาน
ประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์
1.        ข้อมูลของระบบจะถูกเก็บในลักษณะที่เป็นฐานข้อมูลขององค์การ พนักงานไปสืบหา
คำตอบคำปรึกษาได้ทุกเวลา
2.        ระบบช่วยเพิ่มความสามารถให้กับฐานความรู้ขององค์การด้วยการเสนอวิธีแก้ปัญหาสำหรับงานเฉพาะด้าน
3.        ระบบถูกนำมาช่วยทำงานในส่วนที่เป็นงานประจำของมนุษย์
4.        ระบบช่วยสร้างกลไกที่ไม่นำความรู้สึกของมนุษย์ เช่น ความลำเอียง,ความเบื่อหน่าย,ความกังวล
มาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น